สำหรับการเลือกซื้อ สายกีต้าร์ไฟฟ้า ในท้องตลาด อาจจะทำให้หลายคนงงและสับสน ว่าควรจะใช้ สายกีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหน เบอร์ไหน ยี่ห้ออะไร เพราะทั้งรุ่นและยี่ห้อนั้นมีให้เลือกหลากหลายเต็มไปหมด แค่แบรนด์เดียวก็อาจจะมีให้เลือกเป็นสิบ ๆ รุ่นแล้วไหนจะเบอร์ของสายอีก เรียกว่าอาจจะทำให้หลายคนปวดหัวกันได้เลย
แนะนำวิธีเลือกใช้สายกีต้าร์ไฟฟ้า
สำหรับวิธีการเลือกใช้ สายกีต้าร์ไฟฟ้า จริงๆ แล้วไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อนอะไรมาก เพียงแต่ต้องรู้จักว่าความต้องการของเราคืออะไร อย่างเช่นว่า ถนัดสายแบบไหน (เบอร์เล็ก-ใหญ่) ชอบเสียงแบบไหน(ชนิดของสาย) รวมไปถึงวิธีการตั้งสาย ก็จะส่งผลไปถึงสายที่เราควรจะใช้ด้วย โดยจะมาอธิบายกันแบบละเอียดให้กระจ่างกันไปเลย
3 เรื่องที่ต้องรู้สำหรับการเลือก สายกีต้าร์ไฟฟ้า
1.เบอร์ของสายกีต้าร์ไฟฟ้า
ซึ่งหมายถึงขนาดของสายนั้นเอง โดยทั่วไปแล้ว(เฉพาะกีต้าร์ 6 สาย) เบอร์ของสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ชุดสาย .010 – .046 ซึ่งจะมีตั้งแต่สาย 1-6 โดยจะบอกเบอร์สายที่1กับ6 ไว้ แต่โดยทั่วไปจะเรียกกันสั้นๆ สายชุดเบอร์ 10 โดยสายแบบนี้จะเหมาะกับการตั้งสายแบบมาตรฐาน (e,B,G,D,A,E) ซึ่งจะให้เสียงที่ดีอิ่ม ไม่หนาจนเกินไป เป็นเสียงที่เหมาะกับการเล่นและใช้งานทั่วไป ถือเป็นชุดสายมาตรฐานที่มือกีต้าร์ใช้กันทั่วโลกถ้าต้องการตั้งสายแบบปกติ
สายชุดแบบที่ 2 ที่ได้รับความนิยมเหมือนกันโดยเฉพาะในหมู่ผู้เล่นมือใหม่ เป็นสายที่ครูหลายคนแนะนำให้เริ่มใช้ก่อน เพราะเล่นง่ายกว่า และเจ็บนิ้วน้อยกว่าอีกด้วย นั้นก็เพราะเบอร์สายที่เล็กลงนั้นเอง ซึ่งนั้นก็คือ ชุดสาย .009-.042 ซึ่งจากตัวเลขจะเห็นว่าเบอร์สายเล็กลงไปพอสมควร จะเรียกกันโดยทั่วไปสายชุดเบอร์ 9 ซึ่งจะให้ความรู้สึกเบาและนิ่มกว่าเวลาเล่น ทำให้ผู้เล่นมือใหม่นั้นฝึกได้ยาวนานยิ่งขึ้น รวมไปถึงการฝึกเทคนิคอย่าง ดันสาย (Bending) ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งส่งผลดีต่อผู้เล่น
การใช้สายเบอร์เล็กลงก็ทำให้เสียงที่ได้ออกมานั้นบางลงด้วย ถือว่าเป็นข้อเสียเล็กน้อย สำหรับสายเบอร์เล็ก แต่ปัจจัยเล็กสำหรับผู้เล่นใหม่ คือการฝึกซ้อมและเล่นให้ได้ยาวนาน ดังนั้นเรื่องของเสียงที่บางลงเป็นเรื่องเล็กน้อยที่พอจะชดเชยด้วยการปรับแอมป์ได้
คำแนะนำสำหรับผู้เล่นมือใหม่
ผู้เล่นมือใหม่ควรใช้สายเบอร์เล็กเพื่อให้ฝึกฝนได้นานขึ้น เจ็บนิ้วน้อยลง แต่ถ้าเริ่มอยู่ตัวแล้วควรจะกลับไปใช้สายเบอร์มาตรฐานเพื่อให้ได้เสียงที่เต็มมากขึ้นและสำหรับสายชุดแบบสุดท้ายที่สำหรับคนบ้าพลังอยากจะฝึกซ้อมกันให้หนักหน่วง นั้นก็คือชุดสาย .011-.048 ซึ่งเป็นสายที่เบอร์ใหญ่กว่ามาตรฐานหนึ่งขั้น โดยสายชุดที่ใหญ่ขึ้นหมายถึงจะทำให้ผู้เล่นนั้นต้องออกแรงมากขึ้นไปด้วย การใช้สายเบอร์จะทำให้กดสายและดันสายยากขึ้นอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการฝึกกำลังนิ้ว
ข้อควรระวังการใช้สายเบอร์ใหญ่
การใช้สายเบอร์ใหญ่ขึ้นมีข้อควรระวังเรื่องของ คอกีต้าร์ไฟฟ้า ที่อาจจะต้องมีการตั้งใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับเบอร์ของสายกีต้าร์ รวมไปถึงอาจจะต้องตั้ง สะพานสาย ด้วย
โดยทั่วไปมีการใช้งานสายเบอร์ใหญ่จริง ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่การฝึกเท่านั้นแต่การตั้งสายจะไม่ใช่การตั้งสายแบบมาตรฐานอาจจะมีการดรอปสาย การตั้งสายที่ไม่ปกติทำให้ผู้เล่นมืออาชีพเลือกใช้สายเบอร์ใหญ่ขึ้นนั้นเอง และอีกเช่นกันการใช้สายที่เบอร์ใหญ่ขึ้น ย่อมหมายถึงเสียงที่หนาขึ้นตามไปด้วย โดยเสียงที่หนาขึ้นอาจจะเหมาะกับการใช้ในแนวเพลงที่ต่างออกไปอย่าง เพลงแจ๊ส เป็นต้น
สรุปการเลือกขนาดของ สายกีต้าร์ไฟฟ้า ควรเลือกเบอร์ไหน
สำหรับการเลือกเบอร์ของสายกีต้าร์ไฟฟ้านั้น สำหรับผู้เล่นมือใหม่ อยากจะแนะนำว่าให้ลองใช้ชุดสายมาตรฐานก่อน (ชุดเบอร์ 10 ) แต่ถ้าเจ็บนิ้วจนเกินไปหรือเล่นไม่ไหวให้ปรับเล็กลงตามลำดับ และสำหรับผู้เล่นที่มีประสบการณ์ เชื่อว่าถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป โดยตั้งสายแบบมาตรฐานนั้นการใช้สายชุดเบอร์ 10 ก็น่าจะเพียงพอ ยกเว้นแต่มีการตั้งสายที่ไม่ปกติก็ขอให้มองหาสายชุดเบอร์ที่เหมาะสมกับการตั้งสาย ยกตัวอย่างเช่น การดรอปสายต่ำมากๆ อาจจะจำเป็นต้องใช้สายชุดผสมที่สาย 4-6 เป็นสายเบอร์ใหญ่ และสาย 1-3 เป็นสายเบอร์ปกติ เป็นต้น
2. ชนิดของสายกีต้าร์ไฟฟ้า
สายกีต้าร์ไฟฟ้า นั้นทำขึ้นมาจากโลหะชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงรูปแบบภายในสายกีต้าร์ไฟฟ้าเอง ที่มีการออกแบบไปในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสายเปลือย สายแบบพันโลหะ หรือแกนกลางของสายที่ใช้โลหะต่างชนิดกันออกไป ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ส่งผลต่อเสียงที่ได้ ทำให้เสียงที่ได้จากสายกีต้าร์ไฟฟ้านั้นมีรูปแบบที่ต่างกันไปตามชนิดของวัสดุ
- โลหะที่นิยมนำมาทำสายกีต้าร์ไฟฟ้า
- สายสแตนเลส (Stainless Steel) ให้เสียงแหลม สว่างและพุ่ง
- สายนิคเกิ้ลชุบเหล็ก (Nickel-plated steel) จะให้เสียงที่สมดุลไม่แหลมเกินไป ไม่หนาเกินไป เป็นสายที่ได้รับความนิยม
- สายนิคเกิ้ล (Pure Nickel) ที่เป็นโลหะ นิคเกิ้ล อย่างเดียวไม่มีการชุบเหล็ก ก็จะให้เสียงไปในโทนอุ่นและนิ่มกว่า
ยังมีโลหะที่นำมาทำสายกีต้าร์ไฟฟ้าอีกหลากหลายชนิด อย่างเช่น อัลลอย (Alloy) โคบอลต์(Cobalt) โดยวัสดุที่แตกต่างก็จให้เสียงที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความชอบ โดยยังไม่รวมถึงขั้นตอนอื่น ๆ อย่างเช่น การเคลือบสาย ที่มาช่วยให้สายมีความคงทนมากขึ้น กันสนิม แต่การเคลือบการทำให้เสียงนั้นมีความแตกต่างออกไปอีก
สรุปการเลือกใช้ชนิดของสายกีต้าร์ไฟฟ้า
สำหรับการเลือกใช้วัสดุของสายนั้น เห็นมองที่ตัวโทนของเสียงเป็นหลักว่าผู้เล่นต้องการโทนเสียงแบบไหน เพราะโลหะแต่ละชนิดให้เสียงที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้เล่น รวมไปถึงแนวเพลงอีกด้วย นอกจากนั้นวัสดุบางชนิดที่นำมาทำสายกีต้าร์ไฟฟ้ามีราคาแพง ทำให้ราคาของสายนั้นแพงตามขึ้นไปด้วย ดังนั้นหากเป็นการใช้งานทั่วไปแล้ว การเลือกใช้วัสดุแบบทั่วไปอย่าง นิคเกิ้ล หรือ นิคเกิ้ลชุบ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
3.สายกีต้าร์ไฟฟ้าแบบขัดเรียบ (Flatwound Strings)
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าแบบเฉพาะทาง ที่ให้เสียงเฉพาะตัว โดยสายจะถูกนำไปขัดให้เรียบ ให้เสียงที่นิ่ม ลื่น อิ่ม แตกต่างจากสายกีต้าร์ไฟฟ้าแบบพัน ที่ใช้งานกันทั่วไป โดยสายชนิดนี้มักจะถูกนำไปใช้กับดนตรีแนวแจ๊สเป็นส่วนมาก แต่ก็สามารถพบเห็นได้ในกีต้าร์แนวฟิงเกอร์สไตล์ด้วย
สรุปการเลือกใช้สายแบบ Flatwound
สำหรับผู้เล่นทั่วไปแล้วไม่มีความจำเป็นต้องใช้สายชนิดนี้ ยกเว้น อยากจะทดลองเพื่อให้รู้ว่าสุ่มเสียงของสายแบบนี้นั้นเป็นอย่างไร หรือมือกีต้าร์สายแจ๊สที่ต้องการให้ซาวด์ของตัวเองนั้นฟังดูแจ๊สมากขึ้นไปอีก
จากทั้ง 3 เรื่องที่แนะนำกันไปสำหรับการเลือก สายกีต้าร์ไฟฟ้า นั้นจะเห็นว่าไม่ได้ยุ่งยากและซับซ้อนอย่างที่คิด เพียงแต่ผู้เล่นจำเป็นจะต้องรู้ความต้องการของตัวเองว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ต้องการเสียงแบบไหน ก็ทำให้สามารถเลือกสายกีต้าร์ที่ถูกใจได้อย่างแน่นอน คราวนี้เมื่อรู้แล้วว่าต้องการสายแบบไหน ลองมาดูกันว่ามีแบรนด์ไหน รุ่นอะไรน่าสนใจกันบ้าง
แนะนำ 7 ยี่ห้อสายกีต้าร์ไฟฟ้า ทั้งยี่ห้อและรุ่นยอดนิยม ข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกัน?
1. ยี่ห้อ D’Addario
สายกีต้าร์ไฟฟ้าแบรนด์ยอดนิยม ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเบอร์ใหญ่ที่สุดที่ขายสายกีต้าร์ไฟฟ้าเลยทีเดียว โดยเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากนักดนตรีทั้งในระดับโลก รวมไปถึงของไทยด้วย โดยมีรุ่นที่ได้รับความนิยมหลายรุ่น
D’Addario EXL
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมและขายดีที่สุดของทางแบรนด์ ให้เสียงที่ชัดเจนครบทุกย่าน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยในรุ่นยังมีโลหะที่นำมาทำให้เลือกหลากหลายชนิด รวมไปถึงเบอร์ของสายก็มีให้เลือกเยอะมาก
D’Addario NYXL
เป็นไลน์การผลิตใหม่ที่มีมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว โดยเป็น สายกีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นเรือธงจากทาง D’Addario อาจจะมีราคาสูงขึ้นมาอีกซักหน่อย แต่ก็ให้เสียงที่ดีขึ้น เพี้ยนยากขึ้น รวมไปถึงความคงทนอีกด้วย โดยมีเบอร์สายให้เลือกมาถึง 20 แบบกันเลยทีเดียว
2. ยี่ห้อ Ernie Ball
สายกีต้าร์ไฟฟ้าแบรนด์ดังที่ตีคู่กันมากับ D’Addario เลยทีเดียว โดยเป้นแบรนด์ที่มีอายุยาวนาน โดยมีศิลปินระดับโลกเลือกใช้มากมาย เรียกว่า เอ่ยชื่อกันไม่หมดอย่างแน่นอน โดยมีรุ่นที่ได้รับความนิยมมากมาย และ ยังมีรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ สายกีต้าร์ไฟฟ้า ดีขึ้นอีกด้วย
Ernie Ball Slinky
ถือเป็น สายกีต้าร์ไฟฟ้า ที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ รวมไปถึงได้รับการยอมรับว่า เสียงดีและคงทนอีกด้วย หลายคนออกไปตามหาสายรุ่นต่าง ๆ มากมายและสุดท้ายก็กลับมาตายรัง เพราะสายรุ่นนี้นั้นให้เสียงที่ดีจริง ๆ รวมไปถึงยังมีเบอร์ของสายต่างให้เลือกใช้มากถึง 13 แบบอีกด้วย
Ernie Ball Slinky Cobalt
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้ารุ่นต่อยอด ที่พัฒนามาจาก Slinky โดยในรุ่นนี้มีการนำโลหะ Cobalt มาใช้เป็นส่วนผสมในการทำสายกีต้าร์ โดยให้เสียงที่กว้างมากขึ้น เพิ่มย่านต่ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ก็กลายเป็นว่าให้เสียงที่ค่อนข้างเฉพาะทางไป แต่การนำ Cobalt มาใช้ก็ทำให้สายมีความคงทนมากยิ่งขึ้นไปอีก
Ernie Ball Paradigm
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากทางแบรนด์ ที่การันตีว่าสายไม่ขาดและไม่ขึ้นคราบภายใน 90 วันแรก โดยให้ความคงทนแบบสุด ๆ ถือว่าเป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่แข็งแรงที่สุดในโลกรุ่นนึงทีเดียว โดยให้เสียงที่ดีตามสไตล์ Ernie Ball ชัดเจน แต่ราคาสายรุ่นนี้นั้นค่อนข้างสูงอาจจะทำให้ใครหลายคนกลับไปเล่นในรุ่นปกติอย่างรุ่น Slinky แทน
3. ยี่ห้อ Elixir
เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะกับนักดนตรีในไทย เพราะเป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่มีความอึด ถึก ทน อย่างมาก ซึ่งความทนทานนี้เกิดจากเทคโนโลยีการเคลือบสายแบบฉบับของทางแบรนด์ ทำให้ได้สายที่ให้เสียงที่ค่อนข้างคงที่เป็นระยะเวลานาน
Elixir Optiweb Coated
เป็นสายรุ่นที่มีการเคลือบสายทำให้มีสายคงทนอย่างมาก แต่กลับให้เสียงทีสว่าง ใส ไม่เหมือนกับสายที่ถูกเคลือกมา ถือว่าเป็นสายที่เหมาะกับคงที่ไม่อยากเปลี่ยนสายบ่อย ๆ แต่ด้วยการเคลือกสายแบบพิเศษก็เลยทำให้ราคาสายค่อนข้างสูงตามไปด้วย โดยมีเบอร์สายให้เลือกไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นชุดสายมาตรฐาน
Elixir Nano Coated
เป็นสายรุ่นรองลงมาจากตัว Optiweb ให้ความรู้สึกถึงความเป็นสายเคลือบแต่ก็ไม่มากนัก โทนเสียงอาจจะไม่ใสเท่ากับสายทั่วไป แต่ในเรื่องของความอึดนั้นสอบผ่านแบบสบาย ๆ
Elixir Polyweb Coated
สายเคลือบรุ่นเล็กสุดจากทาง Elixir ซึ่งเป็นสายเคลือบค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าเทียบกับความอึดแล้วก็ต้องเลือกว่า อยากได้สายแบบไหนมากกว่าระหว่างความใสของเสียง กับความอึดของสาย
4. ยี่ห้อ GHS
เป็นสายที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่จริง ๆ เป็นสายคุณภาพดีที่มาจากอเมริกา โดยเป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ให้เสียงใส่ ชัดเจน และราคาสมเหตุสมผล โดยมีหลากหลายรุ่นและเบอร์สายให้เลือกใช้
รุ่น GHS Boomers
เป็นรุ่นสายที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ โดยมีศิลปินระดับโลกเลือกใช้หลายคนเลยทีเดียว โดยสายกีต้าร์ไฟฟ้าในรุ่นนี้ให้เสียงที่ชัดเจน ใส เป็นธรรมชาติ โดยเป็นสายแบบนิคเกิ้ลชุบเหล็ก และที่สำคัญ คือราคาไม่แพง
รุ่น Gibson
หลายคนอาจจะเคยได้ยินยี่ห้อกีต้าร์ไฟฟ้าอย่าง Gibson อยู่แล้ว แต่จริง ๆ แล้ว สายกีต้าร์ไฟฟ้าของทาง Gibson นั้นถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเลยทีเดียว โดยสายกีต้าร์ไฟฟ้าให้สัมผัสที่ค่อนข้างนิ่มกว่าสายขนาดเดียวกันเมื่อเทียบกับสายยี่ห้ออื่น ๆ
รุ่น Gibson Vintage Reissue
เป็นสายที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับกีต้าร์ของทาง Gibson เอง ให้เสียงอุ่นและชัดเจน นอกจากนั้นยังให้สัมผัสสายที่ค่อนข้างนิ่ม วัสดุเป็นนิคเกิ้ลอย่างเดียว สามารถนำไปใช้กับกีต้าร์ไฟฟ้าทั่วไปได้เหมือนกัน
รุ่น Gibson Brite Wires
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ทาง Gibson รับรองไว้ใช้สำหรับกีต้าร์ไฟฟ้าของทางแบรนด์โดยตรง เป็นสายที่ถือว่าเพี้ยนน้อยและให้เสียงรบกวนน้อยกว่าปกติ แต่กลับให้เสียงที่ไม่ใสมากนักถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ โดยถ้ามีกีต้าร์ Gibson ก็ใช้สายของทางแบรนด์น่าจะดีกว่า
5. ยี่ห้อ Fender
อีกหนึ่งแบรนด์กีต้าร์ไฟฟ้าที่ทำสายเป็นของตัวเองด้วย โดยสายจากทาง Fender ให้เสียงที่ค่อนข้างกว้างกว่า เมื่อเทียบกับ Gibson โดยสายจะให้เสียงแบบวินเทจสไตล์ ด้วยกระบวนการผลิตและวัสดุ
รุ่น Fender Original Bullet
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ให้เสียงวินเทจแบบชัดเจน ยิ่งถ้าได้ไปใส่ในสแตรทหรือเทเลจะทำให้คาแรคเตอร์ของเสียงนั้นชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก โดยให้เสียง sustain ที่ดีอีกด้วย แต่ถ้าใครเป็นชาวร็อค ชอบเสียงแตกหนัก ๆ ให้มองข้ามไปได้เลย
รุ่น Dunlop
เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำพวก Accesories สำหรับกีต้าร์ไฟฟ้า รวมไปถึงทำสายด้วยซึ่งสายกีต้าร์ไฟฟ้าของทางแบรนด์อาจจะไม่ได้รับความนิยมในวงกว้างมากนัก แต่คุณภาพสายนั้นใช้ได้ดีเลยทีเดียว
รุ่น Dunlop Heavy Core
เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเฉพาะทางให้เสียงที่หนักแน่น เหมาะกับซาวด์แบบร็อค นอกจากนั้นสายยังแข็งแรงและเหมาะสำหรับการนำไปสายแบบ Drop อีกด้วย เพราะ Drop แล้วสายย้วยน้อยกว่าสายทั่วไปค่อนข้างเยอะ
6. ยี่ห้อ SIT
สายกีต้าร์ไฟฟ้าจากอเมริกาที่ เคลมว่าสายของตัวเองนั้นไม่เพี้ยน โดยมีศิลปินเลือกใช้ SIT กันไม่น้อยเลยทีเดียว โดยสายนั้นให้เสียงที่มีเอกลักษณ์และคงทน เพราะส่วนผสมของโลหะที่เป็นเฉพาะของทางแบรนด์
รุ่น SIT Power Wound
เป็นสายที่ให้เสียงกว้างและครอบคลุม ชัดเจน ไม่ทึบ อึด ถึก ทน โดยมีนิคเกิ้ลชุบแบบพิเศษของทางแบรนด์ รวมไปถึงมีการเคลือบสายแบบพิเศษ นอกจากนั้นยังมีเบอร์ของสายให้เลือกเยอะอีกด้วย
7. ยี่ห้อ Rotosound
แบรนด์สายกีต้าร์ไฟฟ้าจากฝั่งอังกฤษที่ยืนยงคงกระพัน โดยสายนั้นให้เสียงใส ชัดเจน เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนั้นยังนิ่มและค่อนข้างเล่นง่ายอีกด้วย และราคายังไม่สูงมากอีกด้วย
รุ่น Rotosound Rotos
สายกีต้าร์ไฟฟ้าราคาน่าคบหา ที่ให้เสียงเอกลักษณ์แบบของ Rotosound และยังนิ่มมือ เล่นค่อนข้างสบาย และที่สำคัญทางแบรนด์จะให้สาย 1 มาสำรองไว้เผื่อขาดอีกด้วย
รุ่น Rotosound Ultramag
สำหรับแบรนด์สายที่อยู่มาอย่างยาวนาน สายกีต้าร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ถือเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใส่ โดยสายรุ่นนี้นั้นมีการพัฒนาทำให้เสียงที่ได้นั้นเต็มมากขึ้น รวมไปถึงทั้งความดังและ sustain ของเสียงอีกด้วย นอกจากนั้นยังเพี้ยนยากขึ้น และยังสายมีความคงทนมากขึ้นด้วย